วันพุธที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2560

หน้าแรก

ฮาร์ดแวร์ (hardware) หมายถึง อุปกรณ์ต่างๆ ที่ประกอบขึ้นเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ มีลักษณะเป็นโครงร่างสามารถมองเห็นด้วยตาและสัมผัสได้ (รูปธรรม) เช่น จอภาพ คีย์บอร์ด เครื่องพิมพ์ เมาส์ เป็นต้น ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นส่วนต่างๆ ตามลักษณะการทำงาน ได้ 4 หน่วย คือ หน่วยประมวลผลกลาง (Central Processing Unit : CPU) หน่วยรับข้อมูล (Input Unit) หน่วยแสดงผล (Output Unit) หน่วยเก็บข้อมูลสำรอง (Secondary Storage) โดยอุปกรณ์แต่ละหน่วยมีหน้าที่การทำงานแตกต่างกัน


( ที่มา : https://www.youtube.com/watch?v=iG2OFL04tNs )

ความหมายของฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์

ระบบคอมพิวเตอร์ประกอบด้วยองค์ประกอบต่างๆหลายประการ ได้แก่ ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ บุคลากร ข้อมูล  กระบวนการ  และการติดต่อสื่อสาร  ซึ่งองค์ประกอบต่างๆเหล่านั้นจะต้องมีการประสานการทำงานร่วมกันจึงจะสามารถตอบสนองต่อความต้องการใช้งานได้ 



ฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์จัดเป็นองค์ประกอบหลักประการแรกที่นึกถึงโดยเมื่อกล่าวถึงคำว่าฮาร์ดแวร์ จะหมายถึง อุปกรณ์  หรือ เครื่องมือที่ใช้ประกอบหรือสร้างสิ่งต่างๆได้ เช่น ค้อน กรรไกร  ไขควงเป็นต้น  และสำหรับคำว่าฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์นั้นจะหมายถึง อุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิคส์ที่ทำหน้าที่รับคำสั่งและปฏิบัติตามคำสั่งที่ผู้ใช้งานต้องการ เช่น การรับข้อมูลทางคีย์บอร์ด การแสดงผลลัพธ์ออกทางหน้าจอ การประมวลผลการดำเนินงาน  เป็นต้น



( ที่มาข้อมูล : www.chanthaburi.buu.ac.th/~sirisuda/290111/doc/52-01-Lec-HW.doc )

การจำแนกฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์

ฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์  ถ้าหากพิจารณาตามหน้าที่การทำงานแล้วจะสามารถจำแนกออกตามลักษณะการทำงานได้ดังนี้
1. อุปกรณ์รับเข้าข้อมูล ทำหน้าที่รับคำสั่ง หรือข้อมูลเข้าสู่คอมพิวเตอร์
2. อุปกรณ์แสดงผลข้อมูล ทำหน้าที่แสดงผลลัพธ์สู่ผู้ใช้
 3. อุปกรณ์ประมวลผลข้อมูล ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ และการจัดการข้อมูล
4. อุปกรณ์หน่วยความจำหลัก ทำหน้าที่เป็นที่พักข้อมูลและคำสั่งที่กำลังทำงาน
 5. อุปกรณ์หน่วยความจำรอง ทำหน้าที่เก็บบันทึกข้อมูล
6. อุปกรณ์ติดต่อสื่อสาร ทำหน้าที่ทำให้คอมพิวเตอร์สามารถติดต่อสื่อสารระหว่างกันได้
7. อุปกรณ์ประกอบ ทำหน้าที่เป็นอุปกรณ์เสริมเพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น

นอกเหนือจากการแบ่งอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์เป็นลักษณะต่างๆในขั้นต้นแล้วยังมีอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ในรูปแบบอื่นที่มีการรวมความสามารถหลายประการไว้ในเครื่องเดียว เช่น พีดีเอ สมาร์ทโฟน  เป็นต้น  ซึ่งต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมกับการใช้งาน   และสำหรับรายละเอียดของแต่ละประเภทอุปกรณ์จะกล่าวในลำดับต่อไป




( ที่มาข้อมูล : www.chanthaburi.buu.ac.th/~sirisuda/290111/doc/52-01-Lec-HW.doc )

อุปกรณ์รับเข้าข้อมูล

อุปกรณ์รับข้อมูล หมายถึงอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ในการรับเข้าคำสั่งในการทำงาน หรือข้อมูลต่างๆจากบุคคลผู้ใช้งาน หรือจากระบบอื่นๆ  แล้วส่งต่อคำสั่ง หรือข้อมูลเหล่านั้นไปยังอุปกรณ์อื่นเพื่อดำเนินการต่อไป ทั้งนี้อุปกรณ์รับเข้าข้อมูลนั้นสามารถจำแนกออกตามลักษณะในการนำเข้า หรืออ่านข้อมูล ออกเป็นดังต่อไปนี้
1.อุปกรณ์รับเข้าข้อมูลในลักษณะของตัวอักษร  ตัวอักขระ  อุปกรณ์ในกลุ่มนี้ ได้แก่ แป้นพิมพ์  หรือ ตู้เอทีเอ็ม (ATM) เป็นต้น
2.อุปกรณ์รับเข้าข้อมูลในลักษณะตัวชี้ข้อมูลอุปกรณ์ในกลุ่มนี้ ได้แก่ เมาท์ (Mouse) แทรกเกอร์ (Tracker)  ทัชแพท (Touch Pad)  เป็นต้น
3.อุปกรณ์รับข้อมูลในลักษณะของผิวสัมผัส อุปกรณ์ในกลุ่มนี้ ได้แก่ หน้าจอทัชสกรีน (Touch Screen) เป็นต้น
4.อุปกรณ์รับข้อมูลในลักษณะของภาพนิ่ง หรือภาพเคลื่อนไหว  อุปกรณ์ในกลุ่มนี้ ได้แก่ กล้องดิจิตอล เครื่องสแกนเนอร์ เป็นต้น
5.อุปกรณ์รับข้อมูลในลักษณะของเสียง  อุปกรณ์ในกลุ่มนี้ ได้แก่ ไมโครโฟน  เครื่องบันทึกเสียง เป็นต้น
6.อุปกรณ์รับข้อมูลในลักษณะของแสง  อุปกรณ์ในกลุ่มนี้ ได้แก่ เครื่องอ่านบาร์โค้ด ซีดี-รอมไดร์  ดีวีดี-รอมไดร์ เป็นต้น
7.อุปกรณ์รับข้อมูลในลักษณะการอ่านข้อมูลแถบแม่เหล็ก อุปกรณ์ในกลุ่มนี้ ได้แก่ ฟลอปปีดิสก์ไดร์ เป็นต้น


( ที่มาข้อมูล : www.chanthaburi.buu.ac.th/~sirisuda/290111/doc/52-01-Lec-HW.doc )

อุปกรณ์แสดงผลข้อมูล

อุปกรณ์แสดงผลข้อมูล  หมายถึง อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่เป็นตัวแสดงผลข้อมูลที่ได้จากการประมวลผลออกมาให้กับผู้ใช้งาน  โดยสามารถจำแนกออกเป็น 2 ลักษณะหลัก คือ
1. อุปกรณ์แสดงผลที่ให้ผลลัพธ์คงรูป (Hard Copy)   หมายถึง ผลที่แสดงออกมาจากอุปกรณ์แสดงผลจะอยู่ในรูปของสื่อที่คงรูปได้   ซึ่งสามารถใช้ลักษณะต่างๆในการจำแนกประเภทได้หลายลักษณะ โดยในที่นี้จะได้จำแนกตามหลักการทำงานของอุปกรณ์ที่อาศัยการกระทบ (Impact) เป็นหลัก ทำให้จำแนกเป็นกลุ่มได้ดังนี้
1.1 เครื่องพิมพ์แบบกระทบ (Impact Printer) เหมาะกับงานในรูปของกระดาษที่ต้องการผลลัพธ์ที่มีความละเอียดต่ำ ตัวอย่างเช่น
1) เครื่องพิมพ์แบบจุด หรือ หัวเข็ม (Dot Matrix Printer) เหมาะกับงานพิมพ์ทั่วไปที่ต้องการกระดาษสำเนา
2) เครื่องพิมพ์แบบโซ่ (Chain Printer) เป็นอีกลักษณะหนึ่งของเครื่องพิมพ์แบบกระทบที่นิยมใช้ในงานพิมพ์ที่เป็นอุตสาหกรรม
1.2 เครื่องพิมพ์แบบไม่กระทบ (Non-Impact Printer)   ในปัจจุบันสามารถแบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่
1) เครื่องพิมพ์เลเซอร์ (Laser Printer) จะให้ผลลัพธ์ที่มีความคมชัดมากที่สุด แต่เครื่องพิมพ์จะมีราคาสูง
2) เครื่องพิมพ์หมึกพ่น (Ink Jet Printer) จะให้ผลลัพธ์ที่ดีรองลงมา แต่เครื่องพิมพ์ และหมึกจะมีราคาถูกกว่า  นอกจากนั้นแล้วยังมีเครื่องพิมพ์ที่เรียกว่า พลอตเตอร์ (Plotter) เป็นเครื่องพิมพ์สำหรับงานกราฟิก ที่มีขนาดใหญ่ เช่น งานพิมพ์โฆษณา เป็นต้น


2. อุปกรณ์แสดงผลที่ให้ผลลัพธ์ชั่วขณะ (Soft Copy) หมายถึง ผลที่แสดงออกมาจากอุปกรณ์แสดงผลจะอยู่ในรูปแบบที่ไม่คงทนถาวรจะแสดงออกมาอยู่เพียงชั่วขณะที่อุปกรณ์นั้นกำลังเปิดใช้งานอยู่ อุปกรณ์ในกลุ่มนี้ได้แก่
2.1 จอภาพ เป็นอุปกรณ์ที่แสดงผลเป็นภาพ สำหรับในปัจจุบันมีมาตรฐานที่ใช้กันดังนี้
2.1.1 จอภาพซีอาร์ที (Cathode Ray Tube: CRT) เป็นเทคโนโลยีที่ภายในอาศัยหลอดแก้วในการแสดงภาพ คล้ายกับเทคโนโลยีของจอโทรทัศน์โดยทั่วไป
2.1.2 จอภาพแอลซีดี (Liquid Crystal Display) เป็นเทคโนโลยีที่อาศัยของเหลวภายในจอภาพในการแสดงผล
2.1.3 จอภาพพลาสมา (Plasma) เป็นเทคโนโลยีที่อาศัยก๊าซ ในการนำแสงซึ่งจะได้ภาพที่คมชัด และจอภาพจะมีน้ำหนักเบา



2.2 ลำโพง เป็นอุปกรณ์ที่แสดงผลลัพธ์ในรูปของเสียง  ซึ่งจะให้เลือกหลายรูปแบบด้วยกันตามความต้องการของผู้ใช้
2.3 เครื่องฉายภาพ (Projector) เป็นอุปกรณ์แสดงภาพโดยรับสัญญาณและแสดงผลออกไปยังฉากรับภาพ

( ที่มาข้อมูล : www.chanthaburi.buu.ac.th/~sirisuda/290111/doc/52-01-Lec-HW.doc )

อุปกรณ์ประมวลผลข้อมูล

อุปกรณ์ประมวลผลข้อมูล หมายถึง อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่เป็นตัวกลางในการประมวลผลข้อมูลต่างๆ และสั่งการควบคุมการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยทั่วไปแล้วจะรู้จักกันในชื่อของหน่วยประมวลผลกลาง หรือ ซีพียู (Central Processing Unit: CPU) โดยถ้าหากเปรียบเทียบคอมพิวเตอร์เป็นมนุษย์แล้วนั้น   อุปกรณ์ประมวลผลข้อมูลจะเทียบได้กับสมองของมนุษย์ ทำหน้าที่ในการคำนวณเปรียบเทียบ สั่งงานให้ร่างกายทำงานได้   อุปกรณ์ประมวลผลข้อมูลจะประกอบด้วยส่วนประกอบหลักๆ คือ


1. หน่วยควบคุม (Control Unit: CU) ทำหน้าที่ในการควบคุมและสั่งการให้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ต่างๆทำงานตามที่ผู้ใช้ต้องการ ทั้งการรับข้อมูล การแสดงผลข้อมูล เป็นต้น
2. หน่วยตรรกะ (Arithmetic Logic Unit: ALU) ทำหน้าที่ในการคำนวณ เปรียบเทียบข้อมูลต่างๆ โดยที่จะทำงานประสานกับหน่วยความจำหลัก (ซึ่งจะกล่าวในลำดับถัดไป)

สำหรับการทำงานของอุปกรณ์ประมวลผลข้อมูลจะมีจังหวะสัญญาณนาฬิกาของเครื่องเป็นตัวควบคุมการทำงาน  โดยพิจารณาการทำงานว่าสามารถทำงานได้กี่ครั้งต่อรอบของเวลา  จะใช้หน่วยของ เฮิร์ตซ (Hertz) ซึ่งเทียบว่าทำงานได้กี่งานต่อหนึ่งวินาที เช่น หน่วยประมวลผลกลางตัวหนึ่งทำงานได้ 2,000 เมกะเฮิร์ตซ (2,000 MHz.) หมายความว่า หน่วยประมวลผลนั้นสามารถทำงาน ได้ 2,000 ล้านคำสั่งใน 1 วินาที   ถ้าหากหน่วยประมวลผลกลางมีจำนวนตัวเลขมากๆก็จะยิ่งทำงานได้เร็วขึ้น


( ที่มาข้อมูล : www.chanthaburi.buu.ac.th/~sirisuda/290111/doc/52-01-Lec-HW.doc )

อุปกรณ์หน่วยความจำหลัก

อุปกรณ์หน่วยความจำหลัก  หมายถึง อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่เป็นที่พักข้อมูล  คำสั่งในการทำงาน หรือโปรแกรมต่างๆ ที่กำลังประมวลผลอยู่โดยอุปกรณ์ประมวลผลข้อมูล   สำหรับหน่วยความจำหลักสามารถแบ่งเป็นประเภทหลัก 3 ประการ คือ
            1. รอม (Read Only Memory: ROM) เป็นหน่วยความจำที่มีการบันทึกข้อมูลคำสั่งที่จำเป็นพื้นฐานต่อการเปิดเครื่องเอาไว้ ก่อนการเรียกใช้งานระบบปฏิบัติการ   โดยพื้นฐานแล้วจะมีลักษณะในการให้อ่านข้อมูลที่บันทึกไว้เพียงอย่างเดียวไม่สามารถแก้ไขข้อมูลได้

            2. แรม (Random Access Memory: RAM) เป็นหน่วยความจำที่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ตามที่ต้องการ โดยสามารถบันทึกข้อมูลหรือคำสั่งได้ และนำข้อมูลที่บันทึกไว้ไปใช้ได้โดยอุปกรณ์ประมวลผลข้อมูล สำหรับหน่วยความจำประเภทนี้จำเป็นที่จะต้องใช้ไฟฟ้าหล่อเลี้ยงไว้ตลอด ดังนั้นหากปิดเครื่องข้อมูลที่เก็บไว้ก็จะหายไป

3. แคช (Cache) เป็นหน่วยความจำที่ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อเสริมประสิทธิภาพในการทำงานระหว่างอุปกรณ์ประมวลผลข้อมูลกับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์อื่นๆ   โดยจะเป็นที่พักชั่วคราวของข้อมูลที่จะส่งไปยังอุปกรณ์คอมพิวเตอร์อื่นอันเนื่องมาจากความสามารถในการประมวลผลข้อมูลของอุปกรณ์ประมวลผลข้อมูลมีความรวดเร็วกว่าอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ต่างๆจะทำให้การทำงานไม่สอดคล้องกันจึงจำเป็นที่จะต้องมีหน่วยความจำประเภทนี้ขึ้น

ในปัจจุบันนี้หน่วยความจำหลักแต่ละประเภทมีการขยายรูปแบบและขีดความสามารถออกไปอีกมาก ทำให้สามารถจำแนกออกได้อีกหลายลักษณะ เช่น ดีแรม(DRAM) เอสดีแรม (SDRAM) เป็นต้น


( ที่มาข้อมูล : www.chanthaburi.buu.ac.th/~sirisuda/290111/doc/52-01-Lec-HW.doc )